ผู้ที่ชอบปลูกไม้ดอกไม้ประดับและว่านไม้มงคลสารพัดสู้อุตส่าห์เสาะแสวงหาต้นไม้ที่มีนามเป็นมงคลในราคาที่แสนแพงมาปลูกหวังจะให้หนุนดวงชะตาเสริมบารมีให้ตนนั้นหลายคนเข้าใจเลยว่า ทุกคนที่เกิดมาจะต้องมีไม้มงคลประจำดวงชะตาของแต่ละคน(แม้แต่พระพุทธองค์ก็ยังมีต้นโพธิ์เป็นไม้มงคลประจำองค์)
ตำราโบราณโหราจารย์ท่านกล่าวไว้ว่า
ผู้เกิดปีชวด(ต้นไม้ที่เป็นมิ่งขวัญหรือไม้มงคลประจำดวงชะตา)คือต้นมะพร้าว/ต้นกล้วย
ผู้ที่เกิดปีฉลูไม้มงคลคือต้นตาล
ผู้ที่เกิดปีขาลไม้มงคลคือต้นขนุน/ต้นรัง
ผู้ที่เกิดปีเถาะไม้มงคลคือต้นมะพร้าว/ต้นงิ้ว
ผู้ที่เกิดปีมะโรงไม้มงคลคือต้นงิ้ว/ต้นกอไผ่
ผู้ที่เกิดปีมะเส็งไม้มงคลคือกอไผ่/ต้นรัง/ต้นโพธิ์
ผู้ที่เกิดปีมะเมียไม้มงคลคือต้นตะเคียน/ต้นกล้วย
ผู้ที่เกิดปีมะแมไม้มงคลคือต้นปาริชา/ต้นไผ่ป่า
ผู้ที่เกิดปีวอกไม้มงคลคือต้นขนุน
ผู้ที่เกิดปีระกาไม้มงคลคือต้นยาง/ต้นฝ้ายเทศ
ผู้ที่เกิดปีจอไม้มงคลคือต้นสำโรง/ต้นบัวหลวง
ผู้ที่เกิดปีกุนไม้มงคลคือต้นบัวหลวงกับต้นบัวบก
ผู้ที่ดวงชะตาตกต่ำหรือมีเคราะห์(ร้าย)ดวงหม่นหมองชอกช้ำ ท่านให้ไปทำพิธีพลีกับไม้มงคล(ไม้ที่เป็นมิ่งขวัญของตน) ไม้มงคลจะถ่ายทอดพลังเสริมบารมีดวงชะตาให้กลับคืนดีขึ้นโหราจารย์หรืออาจารย์ไสยศาสตร์(บางท่าน) ให้นำรกเด็กไปฝังให้ตรงกับไม้มงคลของเด็กแต่ละคน เพื่อเสริมบารมีหนุนดวงชะตาเด็กผู้นั้น ท่านห้ามตัดโค่นต้นไม้ที่เป็นมิ่งขวัญ หรือไม้มงคลของตนโดยเด็ดขาด ถ้าขืนไปตัดไม้เสมือน(การฆ่าตัวตาย) ตัดทอนชีวิตของตนเองให้สั้นลง
ดังนั้นคนโบราณจึงนิยมปลูกไม้มงคลของตนไว้ในบริเวณบ้านตามทิศ(วันในทักษากำเนิด)และเมื่อจะออกศึกจะใช้ไม้มงคลที่เป็นมิ่งขวัญของศัตรูมาทำเป็นหุ่นตั้งชื่อเหมือนศัตรูจับเข้าผูกมัดที่หลักประหารให้เพชฌฆาตลงดาบประหารชีวิตเราเรียกพิธีนี้ว่า “ พิธีตัดไม้ข่มนาม “ เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อว่าในยุคสมัยโลกคอมพิวเตอร์กำลังเจริญถึงขีดสุดยังมีคนใช้พิธีตัดไม้ข่มนามมาจัดการกับนักการเมืองที่เป็นคู่แข่งและที่ไม่น่าเชื่อมากไปกว่านั้นอีกคือมันได้ผลจริงจริงเสียด้วย